วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

สถานการณ์น้ำ"แฉะ"ที่จังหวัดสุโขทัย

หลังจากขับรถมาตลอด 5 ชม. โดยไม่ต้องนอนพัก (คนขับนะครับที่
ไม่ได้พัก แต่สำหรับน้องสาวผู้ร่วมเดินทางนั่งข้างแล้วรู้สึกว่า
เค้าจะได้นอนมากกว่าอยู่ที่บ้าน)
พวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย คือ เทศบาลเมืองสุโขทัย
...ธรรมาธิราศ เอ๊ย  สุโขทัยธานี ในตอนเช้ามืดตึห้ากว่า ๆ

น้ำท่วมบนถนนต่าง ๆ ได้ลดลงไปมากจนเกือบแห้ง เมื่อเรามาถึง
ยังเหลือแต่เศษขยะต่าง ๆ ที่ติดค้างอยู่ตามข้างทาง

ปรากฎว่า เมื่อคืนก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาถึง ทางราชการได้ระดม
เครื่องสูบน้ำ 60 ถึง 80 ตัวไล่สูบน้ำออกเมื่อตอนสี่ทุ่ม
หลังจากที่ได้แก้ปัญหาน้ำไหลทะลักเข้ามาในกลางตัวเมือง บริเวณตลาดได้

บริเวณที่ทำงานของน้องยังแห้งกริ๊บ ทั้งที่อยู่ตรงข้ามกับพนังกั้นน้ำ
ริมแม่น้ำยมที่ยาวตลอดแนวสูงประมาณเมตรกว่า ๆ และระดับน้ำ
ในแม่น้ำเองก็สูงปริ่ม ๆ ระดับความสูงของพนัง มองดูหวาดเสียว
เป็นยิ่งนัก ถ้าน้ำสูงเกินพนังก็เป็นอันจบเห่ น้ำท่วมทันทีทั้งตัวเมือง

ส่วนรถยนต์ของน้องที่คาตว่า ต้องมากู้ขึ้นจากน้ำ ก็มีอาสาสมัครช่วยยกรถ
ขึ้นวางบนแผ่นอิฐที่รองเป็นชั้น ๆ จนสูงมากกว่าระดับน้ำที่เข้ามาบริเวณ
โรงจอดรถ จนพ้นขีดอันตรายไปแล้ว ต้องถือว่า มันได้รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด
เหตุการณ์ไม่เหมือนกับเจ้ารถคันก่อน พี่ชายของมันที่ต้องตายสนิทหมดสภาพ
ความเป็นรถยนต์ไปเลยจากน้ำท่วมเมื่อปีกลายที่ท่วมสูงมาก
จนเกือบถึงหลังคารถ ที่บ้านแถวๆ ถนนรังสิต-ปทุมธานี

เท่าที่ได้ฟังจากคนพื้นที่ น้ำท่วมที่จังหวัดในลักษณะนี้ (ซึมจากพื้นดินเข้าระบบท่อ
ระบายน้ำภายในตัวเมือง) จะเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำอยู่แล้วทุกปี  ดังนั้นระดับน้ำ
ที่ท่วมเข้าทะลักเข้ามาในตัวเมืองจะมีระดับความสูงไม่มากนัก






 ท่านปลอดประสพ สุรัสวดี ได้สร้างคำนิยามใหม่ใช้เรียกขานลักษณะน้ำท่วมที่ยังสูง
ไม่มากเยี่ยงนี้ว่า เป็น"น้ำแฉะ"  ต่อเมื่อน้ำท่วมสูงมิดถึงหลังคาบ้านเมื่อใด จึงจะ
สามารถเรียก "น้ำท่วม"ได้อย่างเต็มปาก จึงขอเรียนชึ้แจงให้ท่านทั้งหลายได้ทราบ
เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน (สำนวนของท่านนักการเมืองอาวุโสท่านหนึ่ง)

วันต่อมา เมื่อเหตุการณ์วิกฤติผ่านไปและพอจะมีเวลาว่างบ้าง น้องสาวของเรา
ในฐานะเจ้าถิ่นได้พาไปเที่ยวอุทยานประวัติศาตร์สุโขทัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากที่พัก








           เมื่อทุกอย่างได้จบลงด้วยดี ได้วางแผนกันว่า ผู้เขียนจะเดินทางกลับเพื่อ
นำรถที่ยืมมาไปคืนเจ้าของรถโดยออกเดินทางในตอนเช้าของวันอาทิตย์ 
แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาออกเดินทาง ก็เกิดมีข่าวสร้างความแตกตื่นสยองขวัญขึ้นมา
อีกรอบว่า น้องน้ำได้เข้าท่วมครั้งใหม่ที่บริเวณตลาดกลางตัวเมือง ณ จุดเดิมอีก
เพราะแม่น้ำยมมีมวลน้ำก้อนใหม่ไหลผ่านตัวจังหวัดสุโขทัยจากจังหวัดแพร่
จึงทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นมาอีกจนเกือบจะล้นพนังกั้น

         เวลาออกเดินทางต้องถูกเลื่อนออกไป แต่หลังจากมีข่าวแจ้งว่า
คณะทำงานของจังหวัด สามารถอุดรอยซึมน้ำที่เข้ามาในตัวเมืองได้อีกครั้ง
สถานการณ์ก็ดีขึ้น อย่างน้อยก็ตอนนั้น 

       ผู้เขียนจึงรีบ (เผ่น) ขับรถออกจากสุโขทัยประมาณหลังเที่ยงวัน
ขากลับก็ไม่รู้สึกเหงาและง่วงเลย เพราะมีเพื่อนบ้านแสนดีที่ต้องการจะ
ลงกรุงเทพเพื่อไปเยี่ยมลูกสาว นั่งร่วมเดินทางและคุยไปด้วยตลอดระยะ
ทางยาว 427 ก.ม.  และในที่สุด ก็ถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยประมาณห้าโมงเย็น
หลังจากที่ส่งเพื่อนบ้านท่านนั้นลงแถว ๆ ถนนวัชรพล ก็ขับรถต่อไปบางนา
เพื่อส่งมอบเจ้าของรถได้อย่างเรียบร้อยก่อนเวลาหนึ่งทุ่มตรง

       เป็นอันจบบันทึกการเดินทางและภาระกิจเป้าหมายครั้งนี้ แต่เพียงนี้นะครับ 
       และหวังว่า คงจะไม่ต้องกระทำภาระกิจใหม่เช่นนี้ในเร็วนี้อีกครั้ง....เฮ้อ             


1 ความคิดเห็น:

  1. อะโห พอรู้ว่ารถรอดจากน้ำ ก็รีบไปเที่ยวกันเลยนะ อิอิ

    ตอบลบ