วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โอ้โฮ...รถยนต์ผมวิ่งมาได้ สี่แสนกม.แล้วหรือนี่ !

สี่แสนกิโลเมตรของรถยนต์ ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์แล้ว น่าจะประมาณ 70-80 ปี

...และแล้วเจ้ารถนิสสันซันนี่นีโอ รุ่นปี 2002 พาหนะคู่ใจของผู้เขียนก็วิ่ง
มาถึงหลักไมล์ที่ 400,000 กม. ตอนเช้าของวันนี้

นับว่า มันได้ผ่านการใช้งานมาไม่น้อยเลย ระดับน้อง ๆ แท๊กซี่

จากวันแรกที่รับรถมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 จนถึงวันนี้
อายุอานามของมันก็ร่วม 11 ปีเต็ม จะย่างเข้่าปีที่ 12 อีกไม่กี่วันข้างหน้า

ผู้เขียนได้เฝ้าเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา ค่าซ่อม ค่าอะหลั่่ย
ต่าง ๆ นับตั้งแต่วันแรก จนถึงปัจจุบันครบเกือบทุกรายการ

ข้อมูลที่น่าสนใจพอจะเล่าสรุปให้่ฟังได้ดังนี้้.-

ราคาตัวรถและค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งเพิ่มเติมทีหลัง
(รวมทั้งระบบแก๊ส LPG)
847,140.00 บาท
ค่าซ่อมและค่าอะหลั่ยแท้ (ทำที่ศูนย์ตลอด 11 ปี)
105,101.82 บาท
ค่าดูแลตามระยะ (เข้าศูนย์รถตลอดเช่นกัน)
124,451.05 บาท
รวม 3 รายการข้างต้น = 1,076,692.87 บาท

ถ้าเอายอดข้างต้น มาหารค่าเฉลี่ย 11 ปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ของการใช้รถคันนี้้ (ไม่นับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง) = 97,881.17 บาท ต่อปี
หรือ 8,156.76 ต่อเดือน เป็นตัวเลขไม่มากนักสำหรับการมีรถยนต์ใช้หนึ่งคัน

แน่นอนว่า รถยังคงมีอายุใช้งานได้ต่อไป และค่าเฉลี่ยที่ว่านี้ก็จะลดลงไปอีกเรื่อยๆ
แต่ละปีต่อจากนี้

สำหรับข้อมูลสถิติอื่นๆ จากการใช้งาน 11 ปี กับสี่แสนกม.

เปลี่ยนยางทั้งชุด 4 เส้นมา 4 ครั้ง
เปลี่ยนแบตเตอรี่มา 4 ลูก
เปลี่ยนใบยางปัดน้ำฝนมา 5 ครั้ง
เปล่ยนมอเตอร์พัดลมหม้อน้ำมา 2 ครั้ง
เปลี่ยนหม้อน้ำมา 1 ครั้ง (จากอุบัติเหตุชนครั้งใหญ่)
เปลี่ยนขอบยางประตูหน้า 2 บาน 1 ครั้ง
เปลี่ยนยางรองแท่นเครื่อง 2 ตัว  1 ครั้ง
ซ่อมบานพับและสลักประตูหน้าขวา  1 ครั้ง
ซ่อมกระจกมองข้างซ้าย ขวา 1 ครั้ง
ยกเกียร์ออโต้ 1 ครั้ง
เปลี่ยนสลักคาลิปเปอร์เบรคหน้ามามากกว่า 6-7 ครั้ง
(นี่คือ จุดอ่อนของรถรุ่นนี้ เสียงดังก๊อกแก๊กที่ล้อหน้าเสมอ)
เปลี่ยนยางหุ้มเพลาขับ 1 ครั้ง
เปลี่ยนโช๊คหน้า 1 คู่ 1 ครั้ง
เปลี่ยนโชคหลัง 1 คู่ 1 ครั้ง
เปลี่ยนสายพาน 2 ครั้ง
เปลี่ยนผ้าเบรคหน้า 3 ครั้ง เบรคหลัง 2 ครั้ง
เปลี่ยนปีกนกทั้งสองข้าง 1 ครั้ง
ล้างปีกผีเสื้อ 1 ครั้ง

จากรายการซ่อมที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ยังไม่มีรายการซ่อม
ที่เีกี่ยวกับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ กับระบบแอร์เลย
(เจ้าประคู้น ขออย่าเพิ่งให้มีตอนนี้เลยครับ เพราะอะหลั่่ยแท้ของ
มันแพงทั้งสองอย่าง)

ส่วนระบบแก๊ส LPG ที่ติดตั้งเพิ่มเติมกับรถ ในระหว่างปีที่ 7
ได้ลองคำนวณอย่างคร่าว ๆ ดูแล้วพบว่า ได้ประหยัดเงินค่า
เชื้อเพลิงจากการเปลี่ยนเป็นแก๊ส จนถึงปัจจุบัน เป็นเงินเกือบสองแสนบาท
สรุปว่า เป็นการลงทุนในเรื่องเชื้อเพลิงคุ้มค่าเกินคำบรรยาย

ส่วนสถิติอุบัติเหตุ เกิดขึ้น 3 ครั้ง
เป็นอุบัติเหตุใหญ่ 1 ครั้ง (หน้ารถยุบลงไปทั้งแถบจนถึงหม้อน้ำ
เกือบถึงตัวเครื่องยนต์ ได้เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่จากประกันภัย ก็งานนี้)
ใช้เวลาในการซ่อมไปเกือบสองเดือน
ส่วนอีกสองครั้งเป็นอุบัติเหตุเล็ก ๆ  เป็นการซ่อมสีที่กระโปรงหน้า
กับประตูด้านหลังซ้าย

อ้อ...ผู้เขียนต้องไม่ลืมที่จะบันทึกไว้ ณ ที่นี้ว่า
เจ้านีโอคันนี้ได้ผ่านประสบการณ์อันเลวร้าย
ของน้ำท่วมใหญ่ของปี พ.ศ. 2554 ด้วย

เพราะเค้าต้องติดแหงกแช่น้ำอยู่ที่โรงจอดรถบ้าน
ภายในหมู่บ้านที่น้ำเข้าท่วมสูงเกิน 60 ซม.
ถึงแม้ว่า ก่อนที่จะน้ำมา ตัวรถได้ถูกยกสูงขึ้นวางบนขาหยั่ง
จนล้อทั้งสี่ลอยสูงจากพื้นโรงรถได้ประมาณ 30 ซม.
ระดับน้ำยังท่วมถึงเครื่องยนต์ด้านล่าง และ
ซึมเข้าในห้องโดยสารภายในรถถึงพรม และก็จำทน
แช่น้ำอยู่ในสภาพอย่างนั้นนานถึง 5 อาทิตย์เต็ม
ชีวิตน้อยๆ ของเค้าเกือบจะหาไม่แล้ว
ถ้าเกิดแช่อยู่ในน้ำนานกว่านี้เพียงนิดเดียว
พรมภายในรถอาจเน่า และเครื่องยนต์ส่วนล่างที่แช่น้ำนาน
กำลังจะเกิดสนิมแดง

                                 นี่ขนาด ล้อถูกยกลอยจากพื้นตั้งฟุตแล้วนะ

ดูสภาพเศษฐรกิจแล้ว ผู้เขียนคงต้องใช้เจ้านีโอคันนี้ไปอีกนานเท่านาน

ดังนั้น เป้าหมายข้างหน้าของพวกเราทั้งสองก็คือ เลขไมล์ที่ 500,000 กม.
ต้องทำมันให้ได้นะ เจ้านีโอ เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากเอ๋ย